5 วิธีโบกมือลาฝันร้ายทุกคืน ต้อนรับการตื่นนอนที่สดใส
ฝันร้าย เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการนอนหลับที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยประสบพบเจอ บางคนก็ว่ามันเป็นลาง หรือทำนายอนาคตของเรา บ้างก็ว่ามันเป็นหนึ่งในวิธีที่ร่างกายถ่ายทอดหรือแสดงความรู้สึกที่ถูกเก็บกดเอาไว้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การที่เรานอนฝันร้ายบ่อย ๆ ก็คงจะไม่ดีต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของเราแน่นอน เพราะมันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เรานอนหลับพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เรารู้สึกง่วงนอน รู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจไปตลอดทั้งวัน ดังนั้นหากเพื่อน ๆ ที่ประสบกับปัญหา “ฝันร้ายบ่อย ๆ ทุกคืน” ก็ต้องลอง 5 วิธีโบกมือลาฝันร้าย ที่เรานำมาฝากในวันนี้แล้วล่ะ เพื่อการตื่นนอนและเช้าที่สดใสของเพื่อน ๆ !
ฝันร้าย คืออะไร ?
ฝันไม่ดี (Bad Dreams) และ ฝันร้าย (Nightmare) มีความแตกต่างกัน ฝันไม่ดีอาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกไม่ดีในช่วงขณะที่เรากำลังนอนหลับ ซึ่งโดยส่วนมากเวลาเราตื่นมาเราจะจำรายละเอียดของฝันหรือความรู้สึกดังกล่าวไม่ค่อยได้ แต่ฝันร้ายนั้นจะมีความรุนแรง และชัดเจนกว่า ส่งผลให้เราตื่นนอนกลางดึกได้ง่ายกว่า ทำให้โดยส่วนมากเราจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝันร้ายได้เป็นอย่างดี ฝันร้ายจะเกิดขึ้นในภาวะหลับ REM (Rapid eye movement sleep) ซึ่งสมองของเรายังทำงานเหมือนกับตอนที่เราตื่น ทว่ากล้ามเนื้อของเราจะอยู่ในสภาวะอัมภาต เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของเราเคลื่อนไหวจากการสั่งงานของสมองในขณะที่เราหลับและทำให้เราเจ็บตัวได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเวลาเราฝันร้ายแล้วพยายามตื่น แต่ตื่นไม่ได้ซักทีนั้นเอง
1. ลดความเครียด
ความเครียดนอกจากที่จะสร้างปัญหาให้กับการนอนหลับของเพื่อน ๆ ได้แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝันร้ายได้อีกด้วย การลดความเครียดสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย เล่นกีฬา เพื่อเป็นการคลายความเครียดที่สะสมมาตลอดวัน นอกจากการเล่นกีฬา ก็ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยลดความเครียดได้ เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ แต่แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ควรจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจสร้างความรู้สึกกลัวจากภาพยนตร์หรือหนังสือสยองขวัญเช่นเดียวกัน
2. สร้างนิสัยการนอนหลับที่ดี
การสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีนอกจากจะทำให้คุณสุขภาพกายและใจดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดฝันร้ายได้อีกด้วย เพราะหากเพื่อน ๆ รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ความรู้สึกเหนื่อยดังกล่าวก็สามารถนำไปสู่ฝันร้ายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการนอนหลับที่ตรงเวลาทุกคืนเป็นประจำ ยกเว้นในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพื่อสร้างเวลาการพักผ่อนที่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงที่จะพบกับอาการฝันร้ายทุกคืน
3. เพิ่มกลิ่นที่ดีให้กับห้องนอนของคุณ
ลองซื้อดอกไม้ หรือน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย หอมมาใช้ในห้องนอนดูรับรองว่านอกจากจะทำให้เพื่อน ๆ นอนหลับได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้หลับสบายปราศจากฝันร้ายอีกด้วย งานวิจัยหลายชิ้นได้ชี้ว่ากลิ่นที่สร้างความรู้สึกดีสามารถส่งผลต่อความฝันของเราได้ด้วยเช่นกัน แต่เราแนะนำว่าให้เลือกกลิ่นที่กำลังพอดี ๆ ไม่ฉุน ไม่แรงจนเกินไป ควรเป็นกลิ่นที่เบา บาง สบายนั้นเอง
4. สร้างสภาพแวดล้อมการนอนที่ดี
การที่เราจะมีการนอนหลับที่ดีได้ เราก็ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดี การที่เรามีเตียงนอนที่นอนไม่สบาย หมอนที่แข็งทื่อ หรือท่านอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วทำให้ปวดไหล่ ปวดตัว ต่างก็ส่งผลต่อการนอนหลับของเราได้ทั้งนั้น ยิ่งห้องนอนของเราสร้างความรู้สึกสบายให้เรามากเท่าไรก็ยิ่งดี ดังนั้นการเลือกที่นอน หมอน หรือท่านนอนสำคัญมากว่าต้องนอนแล้วสบายสำหรับตัวเรา นอกจากนั้นหากเพื่อน ๆ พบว่าช่วงนี้ฝันร้ายบ่อย ฝันร้ายทุกคืน เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงการนอนหลับในท่าหงายหน้า เพราะท่านอนดังกล่าวเป็นท่าที่เชื่อกันว่าส่งผลให้เกิดฝันร้ายมากกว่าท่าอื่น ๆ
หาคำตอบว่าทำไม ที่นอนยางพารา Dynamic Morning Sleep ถึงนอนสบาย ตื่นเช้ามาสดชื่นคลิกที่นี่เลย
5. พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ
ฝันร้ายสามารถเกิดขึ้นได้จากความเหนื่อยล้า และความเครียด แต่นอกจากสองปัจจัยดังกล่าวแล้ว ฝันร้ายยังสามารถเกิดขึ้นได้จากประสบการณ์ไม่ดีที่คน ๆ นั้นประสบพบเจอในอดีตได้อีกด้วย ซึ่งในกรณีนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการพูดคุยถึงประสบการณ์ดังกล่าวกับคนที่เราไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน หรือคุณหมอ การพูดคุยนอกจากจะเป็นการระบายความเครียดหรือความรู้สึกไม่ดีที่เราเก็บเอาไว้แล้ว คนที่เราไว้ใจเหล่านี้ยังอาจช่วยหาทางออกให้เพื่อน ๆ ได้อีกด้วย
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นิตยสารเพื่อสุขภาพการนอน ของเรา
และทาง Facebook Fanpage : Morning Sleep