เพราะด้วยความที่ภาษาไทยนั้นดิ้นได้ แลยเกิดความสับสนทุกทีกับการเรียก เตียงเดี่ยว เตียงคู่ในโรงแรม ทุกครั้งที่จองห้องพัก ที่ชวนให้สงสัยว่าแล้วตกลงต้องเลือกแบบไหน วันนี้ Morning Sleep เลยรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ประเภทเตียงในโรงแรม ว่าแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร ครั้งต่อไปที่จองห้องในโรงแรมจะได้เลือกห้องที่ถูกใจได้โดยไม่ต้องกลัวผิดพลาด
เวลาไปพักโรงแรม แบบไหนคือ เตียงเดี่ยว – เตียงคู่ ?
ห้องเตียงเดี่ยว
-
- ห้องเตียงเดี่ยวแบบ Single Bedded Room : มีเตียงจำนวน 1 เตียง สำหรับพัก 1 คน
ห้องพักแบบเตียงเดี่ยวแบบ Single Bedded Room เป็นห้องพักที่มีเตียงจำนวน 1 เตียงอยู่ในห้อง ขนาดเตียง 3.5 ฟุต เป็นห้องพักสำหรับการเข้าพัก 1 คน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน
- ห้องเตียงเดี่ยวแบบ Double Bedded Room : มีเตียงจำนวน 1 เตียง สำหรับพัก 2 คน
ห้องพักแบบเตียงเดี่ยวแบบ Double Bedded Room เป็นห้องพักที่มีเตียงจำนวน 1 เตียงอยู่ในห้อง ขนาดเตียง 5-6 ฟุต ความแตกต่างคือห้องพักแบบเตียงเดี่ยวแบบ Double Bedded Room เป็นห้องพักสำหรับการเข้าพักได้ 1-2 คน เพราะเตียงนอนมีขนาดใหญ่กว่าห้องพักแบบ Single Bedded Room เป็นห้องพักที่นิยมสำหรับคู่สามีภรรยา
ห้องเตียงคู่
- ห้องเตียงคู่ (Twin Bedded Room) : มีเตียงจำนวน 2 เตียง สำหรับพัก 2 คน
ห้องแบบเตียงคู่ หรือ Twin Bedded Room คือห้องที่มีเตียงเดี่ยวอยู่ภายในห้องจำนวน 2 เตียง และมีขนาดของเตียงให้เลือกแบบ ขนาด 3.5 ฟุต หรือ 5 ฟุต ห้องพักแบบเตียงคู่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแยกเตียงนอน
เตียงนอน ในโรงแรมมีกี่แบบ?
- เตียงแบบซิงเกิล (Single bed) : ขนาดเตียงประมาณ 3.5 ฟุต เหมาะสำหรับการเข้าพักคนเดียว
- เตียงแบบดับเบิล (Double bed) : ขนาดเตียงประมาณ 5-6 ฟุต เหมาะสำหรับการนอน 2 คนบนเตียงเดียวกัน
- เตียงแบบทวิน (Twin bed) : เตียงคู่ คือในห้องพักจะมีเตียงอยู่ 2 เตียง ตั้งแยกอิสระออกจากกัน
- เตียงแบบทริปเปิล (Triple Bed) : ในห้องพักจะประกอบไปด้วย เตียงใหญ่ 1 เตียง และเตียงเล็ก 1 เตียง เหมาะสำหรับครอบครัว พ่อ แม่ ลูก รวม 3 ท่าน
- เอ็กซ์ตร้าเบด (Extra Bed) : ในห้องพักที่มีผู้ร่วมห้องพักเป็นคนที่ 3 Extra Bed คือ เตียงเสริม มีขนาดเล็กสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ปกติ Extra Bed 1 ชุด จะประกอบไปด้วย ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เจ้าหน้าที่จะเสริมเตียงนี้เข้าไปในห้องพัก
ประเภทห้องของโรงแรม มีอะไรบ้าง?
- ห้องสแตนดาร์ด (Standard Room) : ห้องพักแบบมาตรฐานทั่วไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นควรจะมี ขนาดห้องเล็กที่สุดในโรงแรม มี 1 เตียงนอนพร้อมห้องน้ำในตัว
- ซูพีเรีย (Superior) : ห้องซูพีเรียเป็นห้องพักที่มีขนาดกว้างมากกว่าแบบสแตนดาร์ดขึ้นมาเล็กน้อย เพิ่มเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้อีก 1-2 ชิ้น
- ห้องดีลักซ์ (Deluxe Room) : เป็นห้องพักที่มีขนาดกว้างและหรูหรากว่าห้องซูพีเรีย เหมาะสำหรับผู้เข้าพักที่ต้องการที่พักที่หรูหราและสะดวกสบาย สามารถเข้าพักคนเดียว เป็นคู่ หรือครอบครัวเล็กๆ
- ห้องสวีท (Suite) : เป็นห้องพักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะมีห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน โดยมักจะมีพื้นที่นั่งเล่น 1 ห้องนอน (หรือห้องนอนหลายห้อง) เหมาะสำหรับผู้เข้าพักที่เดินทางมากับคู่รัก
- ห้องที่มีประตูเชื่อมต่อกัน (Connecting Rooms) : ห้องแยกกันแต่มีประตูที่สามารถเปิดเชื่อมไปยังอีกห้องหนึ่งได้ ส่วนใหญ่แล้วครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือ กลุ่มนักท่องเที่ยวใหญ่ๆ
- ห้องพักพิเศษสำหรับผู้พิการ (Accessible Room): ออกแบบมาสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ เช่น ราวจับ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ มักจะอยู่ชั้นล่างของโรงแรม
ขนาดเตียงนอนที่พบบ่อยในโรงแรม
- เตียง Twin size หรือ Single size หรือเตียงขนาด 3.5 ฟุต
เตียงนอนขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียวที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในห้องนอนที่มีขนาดพื้นที่จำกัด หรือใช้งานในห้องของโรงแรมประเภท Twin Bedded Room ที่มี 2 เตียงแยกอยู่ภายในห้อง
- เตียง QUEEN SIZE หรือเตียงขนาด 5 ฟุต
เตียงขนาด 5 ฟุตหรือควีนไซส์ มักจะเห็นใช้งานบ่อยๆ ในคอนโด หรืออพาร์ทเมนต์ เพราะสามารถนอนคนเดียวได้แบบสบายๆ หรือนอน 2 คนได้ เป็นขนาพพอดีสำหรับห้องนอนโดยไม่ทำให้ห้องดูอึดอัดเกินไป สำหรับโรงแรมนิยมใช้เตียงขนาดนี้สำหรับห้องแบบ Double Bedded Room
- เตียง KING SIZE หรือเตียงขนาด 6 ฟุต
เตียงขนาดใหญ่ที่นิยมใช้งานทั้งในไทยและต่างประเทศ นอนคนเดียวหรือ 2 คนได้สบาย เป็นเตียงสำหรับครอบครัวที่มักจะใช้งานในห้องนอนใหญ่ที่มีพื้นที่เยอะ สำหรับโรงแรมนิยมใช้เตียงขนาดนี้สำหรับห้องแบบ Double Bedded Room หรือห้อง Suite
ที่นอนโรงแรมเป็นแบบไหน?
ความรู้สึกที่เราได้รับจากการนอนที่นอนโรงแรมที่เราคิดว่ามันสบายกว่าการนอนที่บ้าน มันเกิดจากการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ทั้งผิวสัมผัสต่อผิวตอนที่ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มสัมผัสกับตัวเรา ความรู้สึกตอนเรานอนลงที่บนที่นอนแล้วเหมือนได้ทิ้งตัวปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของผ้าปูหรือผ้าห่มที่เป็นกลิ่นหอมสะอาด หลายคนที่ไปเที่ยวพักผ่อนตามโรงแรมหรือรีสอร์ต นอกจากเฝ้ารอการไปรับประสบการณ์จากความสวยงามของสถานที่ที่เราเลือก อีกอย่างที่คนมักจะติดใจคือประสบการณ์ของการนอนพักผ่อนบนที่นอนโรงแรม เพราะความรู้สึกนุ่มฟูนอนแล้วฟินจนลืมความเหน็ดเหนื่อย ที่นอนโรงแรมส่วนใหญ่มักจะใช้ที่นอนสปริง ซึ่งที่นอนสปริงก็จะแบ่งออกเป็น ที่นอนแบบสปริงบอนแนลล์ ที่นอนแบบสปริงออฟเซ็ท ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง
แนะนำที่นอน สำหรับคนที่ชอบนอนที่นอนฟีลโรงแรมหรู “ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง Morning M5”
ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง Morning M5 ที่ทางแบรนด์อัปเกรดพ็อกเก็ตสปริง 2 ชั้น ความพิเศษคือมีสปริงมากกว่า 2,900 ลูก เป็นจำนวนสปริงซึ่งมากว่าที่นอนทั่วไป 5 เท่า (ที่นอนโรงแรมหรูมีสปริงเพียง 800 ลูก) นอนสบายฟีลที่นอนโรงแรมมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีผ้าคลุม Tencel 100% เส้นใยธรรมชาติ นำเข้าจากจากประเทศออสเตรีย สัมผัสนุ่มลื่น เย็นสบาย มาพร้อมวัสดุภายในที่นอนอย่าง เมมโมรี่โฟมผสมคูลเจล ด้วยเทคโนโลยี MDI เย็นกว่า ระบายอากาศได้ดีกว่าเมมโมรี่โฟมทั่วไป ชั้นโฟมระบายความร้อน ประสานกัน 2 ชั้น บน/ล่าง ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดีภายในตัวโฟม
“ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง Morning M5” พ็อกเก็ตสปริงขนาดเล็กชนิดเดียวกับที่นอนโรงแรมราคาหลักแสน
- ทำให้ที่นอนนุ่มเด้งมากขึ้น
- พัฒนาจนถึงขั้นสูงสุดของความสบาย
- รองรับร่างกายละเอียดเหมือนมีเซ็นเซอร์ บรรเทาอาการปวดเมื่อย
- ลดสะเทือนได้ดีเยี่ยม
- หลับลึก หลับสนิท ฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น